วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สิ่งที่มันบั่นทอนจิตใจ...



ไม่มีอะไรจะทำร้ายจิตใจคนเราได้นอกจาก "การกระทำ" และ "คำพูด" 
บางครั้งเราตั้งใจทำดี แต่มันคงยังดีไม่พอ..
บางครั้งเราทุ่มเท พยายาม ใส่ใจ แต่มันก็ยังไม่ถึงที่สุด..
จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าเราทำอะไรบ้าง หรือบางทีอาจไม่มีใครรู้เลย..
เหนื่อยนะ..ท้อนะ..แต่เมื่อลมหายใจยังมี มันก็คงต้องสู้ต่อไป..
ฉันไม่ได้มีกระจกทวิภพที่จะสามารถกลับไปแก้ไขอะไรในอดีตได้..
แต่ถ้า่จะมีใครคิดว่าที่ผ่านมามันยังไม่ดีพอ..ฉันคงพูดได้แค่ว่าเสียใจ..
คุณอาจจะทำอะไรได้ดีกว่าฉันหลายอย่าง..ฉันคงไม่เถียง
คุณอาจจะมีอะไรที่่เพียบพร้อมและเกื้อหนุนคุณหลายอย่าง..ฉันคงไม่สู้
แต่คุณช่วยมองดู "การกระทำ" และ "คำพูด" ของคุณว่ามันเหมาะสมหรือไม่
ทำไมไม่มองในสิ่งที่คุณทำไม่ได้..แต่มีคนอื่นที่ทำได้..
คุณมีความดี ความเก่ง และอยู่เหนือคนอื่น..คุณจึงคิดว่าคุณจะทำหรือพูดอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?


สำหรับคนที่อยู่ระดับล่างกว่า พวกเขาก็มีหัวใจ มีความรู้สึก..
สิ่งที่คุณทำและพูดมันบั่นทอนจิตใจคนอื่นจนป่นปี้..
เหมือนคุณเอาค้อนมาตอกตะปูไว้ที่ใจคนอื่น..
แล้ววันหนึ่งคุณคิดว่ามันผิด..คุณก็มาถอนตะปูนั้นออกไป..
แต่คุณจะรู้หรือสังเกตบ้างไหมว่ารอยตอกของตะปูมันยังอยู่..อย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้


มันคงไม่มีทางลืม..เจ็บก็จำ..ถึงทำก็ไม่ได้ดี..เป็นแค่ธุลีที่โรยในสายธาร..


ร้องไห้ดั่งสายฝนก็ไม่อาจชำระความโศกเศร้าในใจ..


ได้แค่ทิ้งคำลงท้ายไว้ว่า "เจ็บเหลือเกิน"

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Mother's Day...for Mom

ฉันอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมแม่ถึงไม่เคยทำสิ่งที่ไม่ดีให้ลูกเห็นเลย.. ฉันไม่รู้ว่าแม่เคยทำผิดอะไรมาบ้าง แต่ที่ผ่านมา ฉันกล้าพูดว่าแม่ไม่เคยตัดสินใจผิดพลาด แม่เลี้ยงลูกสองคนมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่แม่ก็เลี้ยงของแม่เอง ไม่เคยให้ลูกต้องตกอยู่ในมือของคนอื่น.. ถึงแม้ว่าในตอนที่ลูกทั้งสองยังเด็ก แม่จะให้ลูกๆไปอยู่ในการเลี้ยงดูของกง แม่ใหญ่ และป้า แต่แม่ก็ส่งเสียและกลับมาหาลูกทุกอาทิตย์ไม่เคยบกพร่อง พอเกิดมาได้สามขวบ แม่ก็เอาลูกๆของแม่มาเลี้ยงเองในกรุงเทพฯ เมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และไร้ความสงบ แต่เพื่อการศึกษาที่ดีของลูก แม่ก็ต้องหอบลูกมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม แต่ก็ได้เรียนในโรงเรียนดีๆ และไม่เคยมีอะไรด้อยไปกว่าลูกคนอื่น แม่ทำงานเหมือนกับพ่อ แม่เป็น Working Women แต่แม่ก็ดูแลทุกอย่างในบ้านเอง แม่ทำงานหนักแต่แม่ไม่เคยแสดงความท้อแท้กับงานที่แม่ทำ.. แม่บอกลูกๆเสมอว่าให้ตั้งใจเรียน อนาคตจะได้ไม่ลำบาก นี่คงเป็นคำสอนที่พ่อแม่มักสอนลูก ไม่ว่าบ้านไหนก็สอนให้ลูกเป็นอย่างนี้.. ทุกคำสอนของแม่มันตราตรึงอยู่ในหัวสมองของฉัน ทำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็จำคำสอนเหล่านั้นไว้ เผื่อวันนึงไม่มีใครสอนฉันแล้ว ไม่มีใครดูแล เลี่ยงดู ด่าว่าฉันแล้ว แต่สิ่งที่จะเหลือไว้ให้ติดตัวไปกับฉันโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะสามารถขโมยมันไปได้ก็คือ "คำสอนของแม่" แม้ว่าวันนี้ฉันอาจยังไม่ใช่ลูกที่ดีพร้อมและทำตามแม่ได้ทุกอย่าง แต่ฉันก็โตพอที่ตัดสินใจว่าสิ่งใดผิดและถูก และก็ฟันฝ่าอุปสรรคปัญหามาด้วยตนเอง ฉันอาจไม่ได้ปรึกษาหรือบอกแม่ในทุกๆเรื่อง แต่ในเรื่องที่สำคัญฉันก็ไม่เคยละเลยที่จะบอกแม่ แม่ไม่เคยเลี้ยงดูฉันกับน้องแบบเพื่อน แต่แม่ให้ความใส่ใจกับลูกทั้งสองเท่ากัน เพราะแม่คือแม่ ไม่ใช่เพื่อนเล่น แม่ลงโทษฉันกับน้องเมื่อทำผิด และหลายครั้งที่แม่อาจจะเสียใจในการกระทำของเราทั้งสอง แต่เราทั้งสองคงไม่แก้ตัว และได้แต่ตั้งใจที่จะไม่ให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแล้วทำให้แม่ต้องทุกข์ซ้ำสองอีก ลูกทั้งสองรักแม่เสมอและไม่มีทางมองใครเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตได้ดีไปกว่าแม่แล้ว ไม่ว่าจะวันแม่ปีไหน พรเดียวที่ลูกปรารถนาคืออยากให้แม่อยู่กับลูกทั้งสองไปนานๆ อยู่ดูลูกๆจนเติบใหญ่ ประสบความสำเร็จ เพื่อให้แม่ได้ภูมิใจและมีความสุข และให้เราทั้งสองได้ดูแลแม่ให้หายเหนื่อย ไม่ใช่เพียงเพื่อทดแทนบุญคุณ แต่มันเป็นหน้าที่ที่ลูกทั้งสองต้องทำ...